top of page

ทำไมไอเดียดี ๆ จากพนักงานถึงถูกละเลย? และองค์กรของคุณจะประเมินและพัฒนาได้อย่างไร?

  • Writer: Tanawat Pete Singhasaenee
    Tanawat Pete Singhasaenee
  • Oct 11, 2024
  • 2 min read

Updated: Mar 7


ree

คุณเคยรู้สึกไหมว่า ทำไมไอเดียที่ยอดเยี่ยมจากทีมงานของคุณถูกละเลยจากผู้บริหาร หรือไม่สามารถนำไปพัฒนาต่อได้? ทำไมบางองค์กรถึงสามารถนำไอเดียใหม่ ๆ มาสร้างความสำเร็จได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่บางองค์กรกลับเผชิญกับความล้มเหลวในการขับเคลื่อนนวัตกรรม? นี่คือคำถามที่ผู้นำและผู้บริหารทั่วโลกต้องการคำตอบ นวัตกรรมเป็นหัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนธุรกิจ แต่ทำไมบางครั้งความคิดที่ยอดเยี่ยมของพนักงานถึงไม่สามารถเติบโตได้?


การผลักดันนวัตกรรมภายในองค์กรถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำไปสู่ความยั่งยืนและความสำเร็จในระยะยาว องค์กรที่สามารถส่งเสริมนวัตกรรมได้ดีจะมีความสามารถในการแข่งขันที่สูงและปรับตัวได้อย่างรวดเร็วต่อความเปลี่ยนแปลงของตลาด อย่างไรก็ตาม ในหลายองค์กรพบว่าไอเดียที่เกิดจากพนักงานมักไม่ได้รับการนำไปต่อยอดหรือพัฒนา ซึ่งอาจเกิดจากโครงสร้างการจัดการที่ไม่ชัดเจนหรือการตัดสินใจที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้ไอเดียที่มีศักยภาพถูกละเลย พนักงานสูญเสียแรงจูงใจในการทำงาน ซึ่งท้ายที่สุดแล้วก็จะทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กรลดลง


เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหานี้และผลักดันให้เกิดการสร้างสรรค์นวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง องค์กรสามารถใช้เฟรมเวิร์กการประเมินนวัตกรรม D-V-F Framework (Desirability, Viability, Feasibility) ซึ่งจะกล่าวถึงในบทความนี้ พร้อมทั้งนำเสนอวิธีการแก้ไขปัญหาที่ผู้นำอาจสร้างขึ้นโดยไม่รู้ตัว รวมถึงแนวทางฟื้นฟูแรงจูงใจของพนักงานที่ลดลง


ปัญหาที่ผู้นำสร้างขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ


ผู้นำหลายคนอาจมีความตั้งใจที่ดีในการสนับสนุนนวัตกรรม แต่การขาดความชัดเจนในกระบวนการจัดการนวัตกรรม ซึ่งมักเป็นอุปสรรคที่ผู้นำไม่ทันสังเกตเห็น ความไม่ชัดเจนนี้สามารถทำให้โครงการดี ๆ หยุดชะงัก ทำให้สูญเสียโอกาสในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กร ซึ่งสามารถจำแนกปัญหาต่างๆได้ดังนี้:


1. ขาดความชัดเจนด้านกลยุทธ์


แม้ว่าหลายองค์กรจะมีแผนการส่งเสริมนวัตกรรมที่ดี แต่หากกลยุทธ์เหล่านั้นไม่เชื่อมโยงกับเป้าหมายธุรกิจหลัก ก็จะทำให้ไอเดียที่เกิดขึ้นไม่ถูกนำไปปฏิบัติจริง งานวิจัยของ Kaplan และ Norton (2021) ได้เสนอแนวคิดเรื่อง Balanced Scorecard หรือ BSC ใน Harvard Business Review ซึ่งเน้นถึงความสำคัญของการเชื่อมโยงกลยุทธ์กับการดำเนินงานในทุกระดับขององค์กร เพื่อให้แน่ใจว่าไอเดียที่เกิดขึ้นจะช่วยผลักดันองค์กรไปในทิศทางที่ถูกต้องและมีกลยุทธ์


2. โครงสร้างการบริหารนวัตกรรมที่ไม่ชัดเจน


องค์กรที่ไม่มีโครงสร้างการจัดการนวัตกรรมอย่างชัดเจนมักจะประสบปัญหาเรื่องความสับสนในหน้าที่ความรับผิดชอบ ทำให้ไม่มีใครรู้ว่าต้องทำอะไรต่อเมื่อได้รับไอเดียใหม่ ๆ ซึ่งจากงานวิจัยเรื่ององค์กรทวิวิถี หรือ “Ambidextrous Organization” ของ Tushman และ O'Reilly (2022) ชี้ให้เห็นว่าโครงสร้างองค์กรที่ยืดหยุ่นและชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญต่อความสำเร็จในการจัดการนวัตกรรม ยกตัวอย่างเช่น การมีผู้สนับสนุนโครงการนวัตกรรม (Innovation Project Sponsor) ที่เปรียบเสมือนเป็นผู้ดูแลโครงการนวัตกรรมต่างๆของพนักงานในองค์กร อีกทั้งยังเป็นผู้ที่สื่อสารโครงการนวัตกรรมกับผู้บริหารเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมให้เกิดขึ้นจริง


3. การตัดสินใจล่าช้า


การประเมินผลและการตัดสินใจที่ล่าช้าทำให้นวัตกรรมหยุดชะงัก โดยเฉพาะเมื่อองค์กรมีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากเกินไป Eisenhardt (2023) แสดงให้เห็นว่า ความเร็วในการตัดสินใจเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้นวัตกรรมสามารถพัฒนาและนำไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น องค์กรที่สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วจะมีความสามารถในการแข่งขันสูงกว่าองค์กรที่ใช้เวลาในการตัดสินใจมากเกินไป


วิธีแก้ไขและฟื้นฟูความกระตือรือร้นของพนักงาน


นอกจากการแก้ไขปัญหาที่ผู้นำสร้างขึ้นโดยไม่ตั้งใจแล้ว การฟื้นฟูความกระตือรือร้นของพนักงานก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถขับเคลื่อนนวัตกรรมได้อย่างต่อเนื่อง การสร้างสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ต้องอาศัยความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้นำและทีมงาน การตั้งกรอบเวลาที่ชัดเจน และการสื่อสารอย่างเปิดเผย ซึ่งสามารถทำได้ผ่านวิธีการต่อไปนี้:


1. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างทีม


ความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้นำและทีมเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างแรงจูงใจ Edmondson (2023)โดยองค์กรที่ให้ความสำคัญของการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการเปิดรับความคิดเห็นและความคิดสร้างสรรค์ จะส่งผลให้พนักงานที่มีไอเดียใหม่ๆรู้สึกว่าความคิดของพวกเขามีค่า ทำให้แรงจูงใจในการเสนอไอเดียใหม่ ๆ มีมากขึ้นและนำไปสู่การขับเคลื่อนองค์กรในระยะยาวได้


2. ปรับนวัตกรรมให้สอดคล้องกับกลยุทธ์หลักของธุรกิจ


การที่องค์กรมีระบบการประเมินว่าโครงการนวัตกรรมนั้นสอดคล้องกับเป้าหมายทางกลยุทธ์ขององค์กรหรือไม่ จะช่วยให้พนักงานที่เป็นทีมทำงานนวัตกรรมมีความกระตือรือร้นมากขึ้น Porter (2021) ซึ่งความสำคัญของการปรับกลยุทธ์นวัตกรรมให้ตรงกับเป้าหมายหลักขององค์กร จะช่วยให้ทุกๆฝ่ายเข้าใจตรงกันว่า นวัตกรรมนั้นจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้อย่างถูกทิศทาง


3. กำหนดกรอบเวลาที่ชัดเจน


การตั้งกรอบเวลาที่แน่นอน เช่น ระยะเวลา 3 เดือน จะช่วยให้ทีมมีความกระตือรือร้นและรู้สึกถึงความก้าวหน้าในการพัฒนาไอเดีย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้โครงการนวัตกรรมหยุดชะงัก


4. จัดการประชุมเป็นประจำ


การจัดการประชุมอย่างสม่ำเสมอเพื่อทบทวนความคืบหน้าของโครงการนวัตกรรมช่วยให้ทีมมีโอกาสปรับปรุงหรือแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้ทันที ทำให้โครงการสามารถดำเนินการไปได้อย่างต่อเนื่องและไม่เกิดความล่าช้า


5. ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด


เมื่อถึงเวลาตัดสินใจ ผู้นำควรตัดสินใจอย่างชัดเจนและรวดเร็ว เพื่อป้องกันความไม่แน่นอนที่อาจส่งผลต่อความก้าวหน้าของโครงการนวัตกรรม ซึ่งความไม่แน่นอนในกระบวนการตัดสินใจมักเป็นปัญหาหลักที่ทำให้ไอเดียหยุดชะงัก ดังนั้นการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดจึงเป็นสิ่งจำเป็น



ree

รู้จัก D-V-F Framework: เฟรมเวิร์กการประเมินนวัตกรรมระดับโลก


การประเมินนวัตกรรมเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้ว่าควรลงทุนในไอเดียใด อีกทั้งประเมินว่านวัตกรรมเหล่านี้จะมีโอกาสประสบความสำเร็จหรือไม่ โดยการประเมินไอเดียต้องอาศัยเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ หนึ่งในเครื่องมือที่ได้รับความนิยมคือ D-V-F Framework (Desirability, Viability, Feasibility) ซึ่งพัฒนาโดย IDEO บริษัทผู้นำด้านนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์ระดับโลก


เฟรมเวิร์ก D-V-F นี้ถูกออกแบบมาเพื่อประเมินนวัตกรรมอย่างรอบด้าน ซึ่งจะเน้นใน 3 ประเด็นหลัก คือ ความต้องการของลูกค้า (Desirability), ความเป็นไปได้ทางการเงิน (Viability), และ ความเป็นไปได้ในทางปฏิบัติ (Feasibility) เพื่อช่วยให้องค์กรมั่นใจว่านวัตกรรมที่พัฒนาจะสามารถตอบโจทย์ทางธุรกิจและสร้างผลกระทบที่เป็นบวกได้ในระยะยาว

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น เราจะใช้ตัวอย่างของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ เช่น น้ำผลไม้ที่ดื่มแล้วหลับง่าย (Sleep-Well Juice) มาพิจารณาภายใต้ D-V-F Framework ดังนี้


ree

1. Desirability (ความต้องการ)


Desirability หรือความต้องการ หมายถึง การพิจารณาว่าไอเดียหรือโครงการนวัตกรรมนั้นตอบสนองต่อความต้องการของตลาดและลูกค้าหรือไม่


ตัวอย่างเช่น เมื่อพนักงานมีไอเดียใหม่ในการผลิต ‘น้ำผลไม้ที่ดื่มแล้วหลับง่าย’ ชื่อว่า Sleep-Well Juice สิ่งแรกที่ควรทำคือ การประเมินความต้องการของตลาดและลูกค้า โดยทีมจะต้องหาข้อมูลก่อนว่าสินค้านี้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคหรือไม่ ปัญหาการนอนไม่หลับเป็นปัญหาที่คนจำนวนมากเผชิญหรือไม่ และลูกค้ายินดีที่จะใช้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหรือเครื่องดื่มเพื่อแก้ปัญหานี้หรือเปล่า ซึ่งอาจหาข้อมูลจากการสัมภาษณ์ แบบสอบถาม หรือข้อมูลเชิงวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการสำรวจตลาดและวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น รายงานทางการแพทย์ที่ชี้ให้เห็นถึงความต้องการในผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในเรื่องของการนอนหลับ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้องค์กรรู้ว่าผลิตภัณฑ์ ‘น้ำผลไม้ที่ดื่มแล้วหลับง่าย’ ตรงกับความต้องการของตลาดหรือไม่


หากผลการวิจัยชี้ว่าผู้คนจำนวนมากมีปัญหานอนไม่หลับ และต้องการทางเลือกที่มาจากธรรมชาติแทนการใช้ยานอนหลับ น้ำผลไม้ Sleep-Well Juice จึงมีความเป็นไปได้ที่จะตอบโจทย์ความต้องการของตลาด และสามารถไปต่อได้ในขั้นตอนต่อไป


2. Viability (ความเป็นไปได้ทางการเงิน)


Viability หรือความเป็นไปได้ทางการเงิน หมายถึง การประเมินว่าไอเดียนั้นสามารถสร้างรายได้หรือผลตอบแทนที่คุ้มค่าหรือไม่


ตัวอย่างเช่น หลังจากที่ตรวจสอบแล้วว่า ‘น้ำผลไม้ที่ดื่มแล้วหลับง่าย’ เป็นผลิตภัณฑ์มีความต้องการในตลาด องค์กรต้องพิจารณาว่า Sleep-Well Juice นี้จะสามารถสร้างรายได้อย่างยั่งยืนหรือไม่ การวิเคราะห์ต้นทุนในการผลิต เช่น วัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตน้ำผลไม้ที่มีสารธรรมชาติช่วยการนอนหลับ ต้นทุนในการขนส่ง การจัดจำหน่าย และการทำการตลาด จะช่วยให้องค์กรรู้ว่าราคาขายของผลิตภัณฑ์จะต้องตั้งไว้เท่าใด


โดยการสร้างโมเดลธุรกิจที่ชัดเจนเป็นสิ่งสำคัญในการประเมิน Viability องค์กรต้องพิจารณาว่าผลิตภัณฑ์สามารถสร้างกำไรได้ในระยะยาวหรือไม่ เช่น หากราคาขายของ Sleep-Well Juice สูงเกินไปจนไม่สามารถแข่งขันได้ในตลาด หรือหากการลงทุนในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มีต้นทุนสูงมากจนไม่สามารถคืนทุนได้ในระยะเวลาอันสั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์นั้นอาจไม่เหมาะสม แต่หากต้นทุนอยู่ในระดับที่สามารถรับได้และคาดว่าผลิตภัณฑ์จะมีตลาดใหญ่ การพัฒนา Sleep-Well Juice ก็มีความคุ้มค่า และสามารถไปต่อได้ในขั้นตอนต่อไป


3. Feasibility (ความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ)


Feasibility หรือความเป็นไปได้ในการปฏิบัติ หมายถึง การพิจารณาว่าไอเดียสามารถนำไปปฏิบัติได้จริงหรือไม่ โดยองค์กรต้องตรวจสอบว่ามีทรัพยากร เทคโนโลยี และบุคลากรที่เหมาะสมในการพัฒนาและสนับสนุนไอเดียนั้นให้สำเร็จหรือไม่


ยกตัวอย่างเช่น เมื่อองค์กรตัดสินใจที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ Sleep-Well Juice สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อมาคือการมีทรัพยากรที่พร้อมในการผลิต เช่น การจัดหาสารธรรมชาติที่มีคุณสมบัติช่วยการนอนหลับ หรือการพัฒนาโรงงานที่สามารถผลิตน้ำผลไม้ในปริมาณมากได้ นอกจากนี้ องค์กรต้องมีบุคลากรที่เชี่ยวชาญในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ การผลิต และการจัดการการขนส่ง หากองค์กรขาดความพร้อมในด้านนี้ การนำไอเดียไปปฏิบัติอาจไม่สามารถทำได้สำเร็จ


ในขั้นตอนนี้ ผู้นำองค์กรต้องประเมินถึงความท้าทาย เช่น ความพร้อมในการผลิตขนาดใหญ่ ความสามารถในการควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์ และการจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั่วประเทศหรือในระดับสากล หากองค์กรมีทรัพยากรเพียงพอและมีบุคลากรที่เหมาะสม Sleep-Well Juice ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะประสบความสำเร็จในการพัฒนา



การเชื่อมโยงทั้งสามองค์ประกอบเพื่อความสำเร็จ


D-V-F Framework ช่วยให้องค์กรสามารถเชื่อมโยงสามองค์ประกอบหลักนี้เข้าด้วยกันเพื่อประเมินว่าไอเดียหรือนวัตกรรมนั้นควรได้รับการพัฒนาต่อไปหรือไม่ เช่น ในกรณีของ Sleep-Well Juice หากผลิตภัณฑ์ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า (Desirability) สามารถสร้างรายได้และมีความคุ้มค่าในการลงทุน (Viability) และองค์กรมีทรัพยากรและความสามารถในการผลิตและจัดจำหน่าย (Feasibility) ไอเดียนี้จึงควรถูกพัฒนาและนำเข้าสู่ตลาด


การพิจารณา Desirability, Viability, และ Feasibility พร้อมกันจะช่วยลดความเสี่ยงที่ไอเดียจะไม่ประสบความสำเร็จ และทำให้องค์กรสามารถตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพ


บทสรุป


การใช้ D-V-F Framework เป็นเครื่องมือในการประเมินนวัตกรรมอย่างเป็นระบบ ช่วยให้ผู้นำองค์กรสามารถตัดสินใจลงทุนในไอเดียที่มีศักยภาพและสามารถตอบโจทย์ทั้งในด้านของลูกค้า การเงิน และความเป็นไปได้ในการดำเนินงาน ตัวอย่างเช่น Sleep-Well Juice เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อองค์กรประเมินไอเดียผ่าน D-V-F Framework แล้ว จะช่วยให้ผลิตภัณฑ์ที่พัฒนาขึ้นมีโอกาสประสบความสำเร็จในตลาดและสามารถสร้างมูลค่าทางธุรกิจได้อย่างแท้จริง


อ้างอิง


Kaplan, R. S., & Norton, D. P. (2021). The Balanced Scorecard: Translating Strategy into Action. Harvard Business Review Press.


Tushman, M. L., & O'Reilly, C. A. (2022). Organizational Ambidexterity: Exploring the New Frontier. Harvard Business Review.


Eisenhardt, K. M. (2023). How Management Teams Can Have a Good Decision-Making Process. Stanford University Press.


Edmondson, A. C. (2023). The Fearless Organization: Creating Psychological Safety in the Workplace for Learning, Innovation, and Growth. Wiley.


20 Comments


Nancy Smith
Nancy Smith
Oct 29

Reading the post about why good ideas from employees should be appreciated and nurtured reminded me of how often creativity and growth depend on being recognized for our true potential. It made me think about the time I decided to Hire a Professional Resume Writer because I struggled to express my skills and achievements in a way that truly reflected who I was. Just like innovative ideas need the right environment to flourish, a career often needs the right words to shine. That experience taught me how powerful it can be when expertise and understanding come together to help someone move forward with confidence.

Like

elden eldery
elden eldery
Oct 24

Knowing your ice review dates allows you to manage your preparation schedule with precision. The College of Contract Management offers specialist ICE Review Coaching designed for engineers pursuing chartered status. Their program focuses on practical techniques and personal guidance to help you succeed. It’s an excellent opportunity to advance your professional career with confidence.

Like

Fyre Smith
Fyre Smith
Sep 25

College of Contract Management offers skills and certifications that are critical in today's job market. Whether you want to work in contract management, CAD design, construction safety, or cyber security, we have the right course for you!  

Like

Prestige Evergreen
Prestige Evergreen
Sep 12

The Prestige Evergreen Master Plan is a state-of-the-art project layout blueprint situated on 28 acres in a strategic location close to Varthur Road, SH 35, Whitefield, East Bangalore.

Like

Prestige Oakville
Prestige Oakville
Sep 12

Planned by the Prestige Group for 2025, Prestige Oakville is a recently opened residential community in Whitefield, East Bangalore. The 1, 2, 3, and 4 BHK residences in this upscale development will have floor plans that range from 750 to 2,920 square feet and are intended for luxurious living.

Like
bottom of page